ชีวประวัติคุณพ่อแดง
ชีวิตของคุณพ่อแดงเป็นชีวิตของธรรมทูตที่แท้จริง ตลอดชีวิตของท่านตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตคุณพ่อยืนยันในความเชือและอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าเสมอ ความเชื่อและศรัทธาทำให้เกิดเป็นความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ บิดามารดาของคุณพ่อแดงย้ายถิ่นฐานมาจากไอร์แลนด์ (Ireland) ไปตั้งรกรากในเมืองดีทรอย รัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา คุณพ่อแดงเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน ๘ คน คุณพ่อแดงมีพี่ชายเป็นนักบวชในคณะพระมหาไถ่ ๑ ท่าน ปัจจุบันทั้งบิดามารดาและพี่ๆ ของคุณพ่อต่างเสียชีวิตไปหมดแล้ว
ในวัยเยาว์คุณพ่อแดงเป็นสมาชิกของคณะพระมหาไถ่ ซึ่งมีโบสถ์ที่สมาชิกใช้ภาษาอังกฤษมากที่สุดในโลก สภาพแวดล้อมได้ช่วยให้คุณพ่อแดงได้ซึมซับในหนทางชีวิตนักบวชจนเกิดกระแสเรียกแห่งการรับใช้ เมื่ออายุ ๑๔ ขวบ คุณพ่อได้เข้าเรียนที่บ้านเณรเล็กต่อเนื่องสู่บ้านเณรใหญ่และระดับอุดมศึกษาตามลำดับจนกระทั่งถวายตัวตลอดชีวิตในปี พ.ศ. ๒๔๙๘
เมื่อบวชได้ ๒ ปีงานแรกที่คุณพ่อได้รีบมอบหมายคือการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย คุณพ่อแดงเดินทางถึงประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะนั้นคุณพ่ออายุ ๒๘ ปีเป็นวัยหนุ่มที่พร้อมสำหรับการทำงานอย่างเต็มที่ แต่บรรยากาศการเมืองไทยช่วงระยะเวลาดังกล่าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดภายหลังเหตุการณ์เดือนตุลาคม การทำงานในพื้นที่จึงต้องมีความระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ
เมื่อคุณพ่อแดงเข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆ ได้ศึกษาภาษาไทยโดยความดูแลของบราเดอร์ลูโดวิโก(Brother Ludovico) ของคณะเซนต์ ดาเบรียล (the Brothers of St. Gabriel) หลังจากนั้นคุณพ่อแดงได้ไปเริ่มงานที่บ้านเวียงคุกจังหวัดหนองคายภายใต้การดูแลของคุณพ่อมาร์ติน (Fr Bob Martin)
การทำงานของนักบวชตั้งแต่เช้ามาจะต้องทำพิธีถวายบูชามิสซาประมาณ ๖.๐๐ น. หลังจากนั้นจะมีงานทั้งด้านศาสนาและงานช่วยเหลือชาวบ้านตามสภาพของท้องถิ่น เช่น สอนหนังสือ รักษาพยาบาล สร้างบ้านขุดคลองชลประทาน ตั้งธนาคารโคกระบือ ธนาคารข้าว เป็นต้น งานของนักบวชไม่จำกัดวันเวลาสถานที่ เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้านตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต นักบวชของคณะพระมหาไถ่จะได้รับมอบหมายภารกิจที่แตกต่างกันไป มีการย้ายและสลับปรับเปลี่ยนอยู่เสมอโดยเฉลี่ยทุกๆ ๓ ปี
พ.ศ. ๒๕๐๒ คุณพ่อแดงได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลของคุณพ่อกริฟฟิท (Fr Tom Griffith) และคุณพ่อแฮร์รี่ (Fr Harry Thiel) ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น โดยคุณพ่อแดงได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าบ่มจังหวัดเลยถึง ๕ ปี ในช่วงเวลานี้เองที่ความรู้ความเข้าใจภาษาอีสานของคุณพ่อแดงได้เริ่มแตกฉานยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าคุณพ่อแดงรู้สึกว่า “..ชาวบ้านเว้ากันเป็นไฟเลย”พร้อมกับการปรับตัวสำหรับการทานข้าวเหนียวกับแจ่วปลาร้าอันเป็นอาหารหลักของชาวบ้าน
ต่อมาคุณพ่อแดงได้รับตำแหน่งแทนคุณพ่อกริฟฟิทเพื่อทำงานเป็นอธิการและเจ้าอาวาสวัดพระเยซูเจ้าทรงคืนพระชนม์ และวัดแม่พระปฏิสนธินิรมลจังหวัดขอนแก่น พร้อมๆ กับการทำหน้าที่ในการเปิดโรงเรียนคาทอลิกซึ่งคุณพ่อแดงได้สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนนี้ด้วย ในระยะเวลาต่อมามีนักบวชคณะพระกุมารเยซุ (the Infant Jesus) รับช่วงในการบริหารโรงเรียนต่อ ปัจจุบันโรงเรียนนี้คือโรงเรียนพระมหาไถ่ศึกษาขอนแก่น
อันที่จริงคุณพ่อแดงมีชื่อเล่นว่าแพท (Pat) แต่ชาวบ้านเห็นใบหน้าของคุณพ่อมีสีแดงระเรื่ออยู่ตลอดเวลา จึงเรียกชื่อว่า “พ่อแดง” คุณพ่อก็พอใจและชอบชื่อนี้มาก มีเรื่องเล่าขานกันว่าดวงตาของชาวไอริสอันทรงพลังของคุณพ่อช่วยสยบเด็กที่ดื้อทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาด แต่ความจริงคุณพ่อดีกับเด็กๆ ที่เรียนคำสอนกับคุณพ่อเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการหยอกเล่นให้ขนมหรือของเล่นสร้างความเป็นกันเองกับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
คุณพ่อแดงปฏิบัติงานที่ขอนแก่นเป็นเวลา ๖ ปี แล้วย้ายไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่วัดพระมหาไถ่กรุงเทพฯ เกือบ ๓ ปีแล้วย้ายกลับไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งหนึ่งโดยครั้งนี้ต้องไปทำงานที่บ้านช้างมิ่งจังหวัดสกลนคร บ้านโพนสูงและบ้านดุงจังหวัดอุดรธานี รวมระยะเวลาทั้งสิ้น ๖ปีคือช่วงระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๕ – ๒๕๒๑ ช่วงระยะเวลานี้คุณพ่อแดงทำหน้าที่ในการอภิบาลสัตบุรุษเป็นภารกิจหลัก มีการทะนุบำรุงศาสนสถานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างโบสถ์แห่งใหม่ที่บ้านโพนสูงโดยมีบราเดอร์คอร์นี่ (Brother Cornelius) เป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้าง ซึ่งโบสถ์หลังนี้สามารถรองรับสมาชิกได้ถึง ๘๐๐ คน
พ.ศ. ๒๕๒๒ คุณพ่อแดงได้รับมอบหมายให้เดินทางไปประจำที่อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี ได้ทำงานร่วมกับคุณพ่อบรรจง ไชยราในการดูแลเณรที่เตรียมตัวจะบวชเป็นพระสงฆ์ หน้าที่หลักของคุณพ่อแดงคือการสอนภาษาอังกฤษและช่วยเหลืองานอื่นช่วงสุดสัปดาห์ บางครั้งคุณพ่อก็ได้เทศน์เข้าเงียบแก่กลุ่มของสตรีและสมาชิกของวัด
สองปีต่อมาคุณพ่อแดงได้กลับไปทำงานในภาคอีสานอีกครั้งหนึ่งงานใหม่ที่สำคัญซึ่งหานักบวชที่ยอมเสียสละไปปฏิบัติในเรื่องนี้ยากนั่นคืองานช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนที่บ้านน้อย จังหวัดขอนแก่น คุณพ่อดงได้รับงานนี้อย่างแข็งขันเข้าไปทำงานคลุกคลีกับผู้ที่เป็นโรคเรื้อนโดยไม่รังเกียจทั้งการอภิบาลทางจิตใจการพาไปโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นยามดึกดื่นเพียงใดและศาสนกิจอื่นๆ คุณพ่อแดงได้ทำงานนี้ร่วมกับคุณพ่อกริฟฟิทและคุณพ่อแฮร์รี่
งานที่บ้านน้อยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่หมู่บ้านเดียวเท่านั้น แต่ได้ครอบคลุมไปถึงโบสถ์และโรงเรียนของบ้านโนนสมบูรณ์ สถานพยาบาลคนโรคเรื้อนของทางราชการและหมู่บ้านใหญ่ๆ อีกสองหมู่บ้านซึ่งผู้คนในหมู่บ้านดังกล่าวแต่ละหมู่บ้านส่วนมากเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อน การช่วยผู้ประสบโชคร้ายเหล่านี้เริ่มต้นโดยคุณพ่อแทรวิส (Fr Leo Travis) และคุณพ่อกริฟฟิท หลังจากนั้นได้ขยายต่อเนื่องเรื่อยมาถึงคุณพ่อทิลี (Fr Dick Thiele) และคุณพ่อแพทติน (Fr Larry Patin) จนกระทั่งมาถึงคุณพ่อแดงที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบต่อเต็มเวลาในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นที่น่ายินดีว่าคณะ เซนต์คาเบรียล คณะพระกุมารเยซู และคณะธิดาเมตตาธรรม (the Daughters of Charity) ตลอดจนบรรดาฆราวาสแพร่ธรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา (lay missionaries) ต่างกันได้ทุ่มเทเสียสละและใช้ความสามารถให้แก่งานช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนเป็นพิเศษ โดยคณะเซนต์คาเบรียลจัดตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพให้แก่บรรดาบุตรหลานของผู้ป่วยโรคเรื้อนและยังได้ทำงานพัฒนาสังคมในเวลาเดียวกัน ซิสเตอร์คณะพระกุมารเยซูได้ให้การศึกษาอบรมในโรงเรียนมหาไถ่ศึกษาโนนสมบูรณ์และงานสังคมสงเคราะห์ ซิสเตอร์คณะธิดาเมตตาธรรมก็ดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคเรื้อนที่คลินิกผู้ป่วยโรคเรื้อนบ้านน้อยและที่สถานพยาบาลคนโรคเรื้อนโนนสมบูรณ์ของรัฐบาล เช่นเดียวกันกับฆราวาสแพร่ธรรมจากสหรัฐอเมริกาก็เข้าช่วยทำงานที่สถานพยาบาลคนโรคเรื้อนเหล่านี้ รวมทั้งการเปิดศูนย์สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการ
คุณพ่อแดงทำงานที่นี่เป็นระยะเวลา ๖ ปี ตลอดระยะเวลาที่ท่านทำงานนี้นอกจากภารกิจของเจ้าอาวาสและศาสนกิจอื่นๆ แล้วยังมีโครงการอีก ๔ โครงการสำคัญที่ท่านได้ดำเนินการประการแรกเป็นการสร้างศูนย์เด็กเล็ก(nursery) เพื่อดูแลเด็กๆ ก่อนถึงเกณฑ์เข้าเรียนในระดับอนุบาล ประการที่สองการสร้างสถานที่พักสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อนเพื่อให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับผู้ป่วยที่กำลังประสบกับการตอบสนองอย่างเฉียบพลันกับยารักษาโรคเรื้อน ประการที่สามได้มีการก่อสร้างสถานที่ขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการฝึกอาชีพสำหรับการดูแลเด็กซึ่งพิการมากและยังได้มีการสร้างศูนย์เพื่อเป็นเกียรติแด่นักบุญเยราร์ด (St. Gerard) เพื่อใช้ในการดูแลเด็กเหล่านี้และยังสามารถใช้เป็นที่พักอาศัยหรือใช้เป็นที่สำหรับรับคนไข้ภายนอกได้ด้วย
ภารกิจในภาคอีสานของคุณพ่อแดงสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยคุณพ่อแดงได้รับมอบหมายภารกิจใหม่ให้ไปเป็นผู้อำนวยการการเข้าเงียบ(guest master) ประจำที่ศูนย์คณะพระมหาไถ่พัทยาจังหวัดชลบุรี พร้อมกันนี้คุณพ่อแดงยังได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเป็นเจ้าอาวาสวัดเซนต์นิโคลัส (St. Nilolaus) ถึง ๙ ปี การทำงานที่พัทยาทำให้คุณพ่อแดงได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเพื่อนอันเป็นที่รักของคุณพ่อแดงอีกท่านหนึ่งคือคุณพ่อเรย์มอนด์ เบรนเนน ( Fr Raymond Brennan) ซึ่งคุณพ่อคงได้มีส่วนแบ่งเบาภารกิจและให้คำปรึกษาแก่คุณพ่อเรย์ซึ่งมีโครงการด้านสวัสดิการสังคมหลายโครงการได้แก่ บ้านเด็กกำพร้า โรงเรียนสอนคนตาบอด บ้านเด็กด้อยโอกาส โรงเรียนฝึกอาชีพคนพิการ โรงเรียนสอนเด็กหูหนวกและบ้านผู้สูงอายุพลัดถิ่น ซึ่งในเวลาต่อมาคือปี พ.ศ. ๒๕๒๙ คุณพ่อแดงได้รับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ พัทยา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
๑๗ ปีในพัทยาถึงแม้ว่าช่วงนั้นคุณพ่อแดงจะอายุมากแต่คุณพ่อแดงยังแสดงให้เห็นถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ ตลอดระยะเวลาในเมืองพัทยาคุณพ่อแดงยังปฏิบัติศาสนกิจอย่างไม่บกพร่อง การถวายบูชามิสซาในโบสถ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเต็มไปด้วยแก่นสารสาระแห่งการดำเนินชีวิตที่ดีสอดแทรกด้วยอารมณ์ขันหลากหลาย คุณพ่อแดงเป็นผู้นำให้การเข้าเงียบเพื่อฟื้นฟูจิตใจที่ศูนย์คณะพระมหาไถ่พัทยาเป็นที่นิยมและชื่นชอบศรัทธา ที่สำคัญคือสิ่งที่คุณพ่อแดงสอนคือสิ่งที่คุณพ่อแดงปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดี
งานสำคัญอีกประการหนึ่งที่คุณพ่อแดงรับผิดชอบตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีคือการเขียนจดหมายข่าวชื่อ The Visit เป็นจดหมายข่าวรายเดือนแจ้งความเคลื่อนไหวของคณะพระมหาไถ่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง จดหมายข่าวนี้จัดพิมพ์ส่งออกไปทั่วโลกรวมทั้งการส่งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (emails) การหาข่าวและภาพรวมทั้งการเขียนจดหมายข่าวแต่ละฉบับต้องใช้เวลามาก ภาษาที่คุณพ่อแดงใช้ก็เป็นภาษาที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในความสามารถในการเขียนและมีผู้ติดตามด้วยใจจดจ่อทุกเดือน หากฉบับไหนขาดหายไปก็จะมีเสียงเรียกหาเข้ามาไม่ขาดสายสำหรับอนาคตยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้รับภาระอันสำคัญนี้ต่อจากคุณพ่อแดง
ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ คุณพ่อแดงให้ความรักความเมตตาและติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีเรี่องเสนอให้คุณพ่อพิจารณาคุณพ่อจะซักถามเพื่อความเข้าใจอย่างแจ่มชัดก่อนที่จะให้ความเห็นชอบเรื่องใด ผู้นำเสนอจะต้องพิจารณาก่อนอย่างรอบคอบมิฉะนั้นจะต้องจนมุมแก่คุณพ่อแดงได้ ที่สำคัญคุณพ่อแดงให้ความสนใจมากเป็นพิเศษต่อความเป็นอยู่และการเรียนรวมทั้งบุคลากรที่มีรายได้น้อย แขกทุกกลุ่มที่มาเยี่ยมโรงเรียนได้ฟังการกล่าวต้อนรับและตอบคำถามมีความประทับใจทุกครั้ง เพราะคุณพ่อเข้าใจลึกซึ้งในงานและคุณพ่อแดงชอบการถ่ายรูปและจะขอตั้งท่าหล่อก่อนทุกครั้งเสมอสิ่งเหล่านี้เป็นความน่ารักเฉพาะตัวของคุณพ่อแดง
ชีวิตของนักบวชเป็นชีวิตที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับงานตามความเชื่อ ต้องทำบูชามิสซา สอนคำสอน อบรมและโปรดศีลให้ศาสนิกชนเป็นประจำ เป็นภารกิจที่ต่อเนื่องตลอดทั้งวันและทุกวันไม่มีวันหยุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมีความเชื่อไว้ว่างใจและปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า คุณพ่อแดงคือแบบอย่างของธรรมทูตผู้รับใช้ตามจิตตารมณ์แห่งคณะพระมหาไถ่ที่แท้จริง เห็นได้จากการที่คุณพ่อแดงทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างมีระเบียบแบบแผนและมีวินัยที่ดีเยี่ยม ตลอดชีวิตของคุณพ่อแดงเป็นการสร้างจิตวิญญาณแห่งความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าให้กับประชาชนนับหมื่นคนคุณพ่อแดงคือพระนักเทศน์และเป็นฑูตสวรรค์เพื่อชีวิตนิรันดร์ของทุกคนเป็นการสร้างความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์ซึ่งนับวันการพัฒนาทางเศรษฐกิจจะกัดกร่อนชีวิตให้ห่างเหินจากวิถีแห่งคุณธรรม ชีวิตของคุณพ่อแดงเป็นชีวิตที่เรียบง่ายสมถะ
วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ คุณพ่อแดงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อรักษาตัวด้วยของใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อย แปรงสีฟันเก่า ๆ รองเท้าและเข็มขัดที่ชำรุด แว่นตาที่ขาหักไปข้างหนึ่ง ฯลฯ และหากต้องเดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกาก็พร้อมที่จะเดินทางทันทีด้วยสิ่งของเพียงเท่านี้ก่อนการผ่าตัดหัวใจซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่และเสี่ยงอันตรายสูง แต่คุณพ่อแดงกลับกล่าวด้วยความสดชื่นแจ่มใสว่า “...พ่อไม่มีกังวลอะไร สบายใจมากทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระสุดแล้วแต่น้ำพระทัยของพระองค์...” เป็นการยืนยันความเชื่ออย่างสม่ำเสมอ
๒ มกราคม ๒๕๔๗ คุณพ่อแดงจากโลกนี้สู่โลกใหม่เหลือไว้ซึ่งคุณงามความดีอันเป็นแบบอย่างที่ผู้ที่ยังใช้ชีวิตห่างไกลจากพระควรกลับใจและใช้แบบอย่างชีวิตของคุณพ่อเป็นคติธรรมในชีวิต เชื่อแน่ว่าคุณพ่อแดงได้รับรางวัลและอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เชื่อแน่ว่าผู้ที่รักและเคารพคุณพ่อแดงและยืนยันความเชื่อจะได้รับรางวัลเช่นกัน